Skip to content
Home » ไขข้อสงสัย ไซรัปทำมาจากอะไร?

ไขข้อสงสัย ไซรัปทำมาจากอะไร?

ไซรัปคืออะไร?

ไซรัป (Syrup) หรือที่รู้จักในภาษาไทยว่า “น้ำเชื่อม” คือสารให้ความหวานผลิตจากกธรรมชาติที่นำมาปรุงแต่งและผ่านกรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้ได้ออกมาเป็นสิ่งที่สามารถรับประทานได้ ส่วนประกอบหลักของไซรัปจะมีน้ำตาลกลูโครสอยู่ หรืออาจมีสารให้ความหวานอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วย ในสมัยก่อนที่เทคโนโลยีและความรู้ทางการแพทย์ยังไม่พัฒนา ไซรัปจึงถูกนำมาใช้ในวิทยาการทางแพทย์ยุโรปเพื่อทดสอบและวินิจฉัยโรค แต่เนื่องจากความหวานนั้นทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้ป่วยหลายคนจนเมื่อการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ไซรัปก็ไม่ได้ถูกใช้กับผู้ป่วยอีกแล้ว

ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป ไซรัปก็ถูกนำมาประกอบอาหาร  โดยเฉพาะขนมหวาน เช่น แพนเค้ก ไอศกรีม ฯลฯ จนกระทั่งกลายเป็นวัตถุดิบร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ในยุคปัจจุบัน

ไซรัปทำมาจากอะไร?

เมื่อเราทราบแล้วว่าไซรัปคืออะไร แต่ไซรัปที่มีรสชาติหวานนั้นทำมาจากอะไรบ้าง? แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือ น้ำตาล โดยการนำมาละลายกับน้ำในความร้อน นอกจากนี้ไซรัปยังสามารถผลิตจาก น้ำตาลอ้อย มันสำปะหลัง น้ำเลี้ยงต้นเมเปิล และอื่นๆ ผ่านกรรมวิธีที่ต่างกัน จนในปัจจุบันทำให้มีประเภทของไซรัปให้เลือกมากมาย อาจทำให้หลายคนเกิดสับสนกันบ้าง

5 ประเภทของไซรัปที่คุณควรรู้

อย่างที่ได้กล่าวไปเบื้องต้น ไซรัปนั้นมีหลายแบบขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้และกรรมวิธีในการผลิต ซึ่งประเภทของไซรัปที่คุณควรรู้จักมี ดังนี้

  • น้ำเชื่อมธรรมดา (Simple Syrup)

เป็นน้ำเชื่อมที่ผ่านการเคี่ยวจากน้ำตาลผสมน้ำ โดยใช้ไฟปานกลางให้ได้น้ำเชื่อมออกมาเป็นสีใส มีความเหนียวและหนืด มักจะถูกนำไปใช้ราดหรือเป็นส่วนผสมกับขนมไทย รวมถึงเพิ่มความหวานให้กับชากาแฟ บางครั้งยังผสมกับเครื่องดื่มค็อกเทลบางประเภทอีกด้วย เพราะสามารถละลายในน้ำเย็นได้ง่ายกว่าน้ำตาล

  • น้ำเชื่อมเมเปิล (Maple Syrup)

อีกหนึ่งประเภทของน้ำเชื่อมจากธรรมชาติสกัดมาจากน้ำเลี้ยงของต้นเมเปิลที่นิยมนำมาราดรับประทานคู่กับ แพนเค้ก วาฟเฟิล แทนน้ำผึ้ง เนื่องจากมีความหวานไม่มากเกินไป และยังเป็นส่วนผสมของขนมเค้กต่างๆ อีกมากมายเพื่อเพิ่มความหอมหวานมากยิ่งขึ้น  น้ำเชื่อมเมเปิลของแท้ที่ไม่ใช่แต่งกลิ่นขึ้นมาจากการสังเคราะห์จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง เป็นของที่หายากในประเทศไทย แต่หากใครที่มีโอกาสได้ไปประเทศแคนาดา ก็จะหาน้ำเชื่อมเมเปิลได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเป็นของขึ้นชื่อของที่นั้น แถมใบเมเปิลยังเป็นสัญลักษณ์ของธงชาติแคนาดาอีกด้วย

  • กากน้ำตาล (Molasees)

ไซรัปประเภทนี้จะมีสีน้ำตาลเข้ม มีความหนืดและเหนียวข้น กว่าประเภทอื่นๆ เพราะเป็นสิ่งที่เหลือมาจากการกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายจากอ้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นของเหลือจากการผลิตน้ำตาล แต่คุณค่าจากแร่ธาตุต่างๆ และความหวานก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่ กากน้ำตาลจะถูกนำไปใช้ในการทำ ลูกอม, ซอสปรุงรส รวมไปถึงคุกกี้ นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่มอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารสัตว์ ปุ๋ย หรือยีสต์ ฯลฯ

  • คอร์นไซรัป (Corn Syrup / Glucose Syrup)

ถึงจะมีชื่อว่าเป็น Corn Syrup แต่ก็เป็นน้ำเชื่อมที่ทำมาจากมันสำปะหลัง และมีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคสอยู่ในตัว จนได้ออกมาเป็นน้ำเชื่อมที่มีลักษณะเหนียวใสหรือสีน้ำตาล ถูกนำไปใช้กับอาหารหรือขนมที่ต้องการให้น้ำตาลรัดตัวกันเร็วมากขึ้น และไม่ตกผลึกเหมือนน้ำตาลประเภทอื่นๆ อีกทั้งถูกนำไปใช้กับการทำซอสมะเขือเทศและน้ำจิ้มอีกด้วย

  • น้ำเชื่อมช็อกโกแลต (Chocolate Syrup)

หรือที่หลายคนมักเรียกกันว่า “ซอสช็อกโกแลต” ทำมาจากการผสมโกโก้กับคอร์นไซรัป มีความหวานในตัว และเราจะเห็นกันได้บ่อยๆ บนหน้าไอศกรีมหรือขนมเค้ก 

ทั้ง 5 ประเภทของน้ำเชื่อมที่ได้นำเสนอไปนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเภทน้ำเชื่อมกลิ่นผลไม้เท่านั้น เพราะวงการในการทำอาหารและเครื่องดื่มยังมีน้ำเชื่อมอีกมากมาย อาทิ น้ำเชื่อมข้าวบาร์เลย์ (Barley Syrup) หรือน้ำเชื่อมข้าวแดง (Brown Rice Syrup) เป็นต้น ให้เราได้เลือกนำมาประกอบอาหารและเครื่องดื่ม ที่สำคัญน้ำเชื่อมไม่ใช่วัตถุดิบที่ใช้เพิ่มความหวานเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำไปเป็น ซอส และน้ำจิ้ม รวมไปถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมเกษตรได้อีกด้วย

WE ARE AROMA

Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน