Skip to content
Home » วิธีเลือกโปรเน็ตทรูให้คุ้มยิ่งกว่าย้ายค่ายเบอร์เดิม

วิธีเลือกโปรเน็ตทรูให้คุ้มยิ่งกว่าย้ายค่ายเบอร์เดิม

เชื่อว่าหลายๆ คนที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านมือถืออยู่แล้ว ก็คงจะทราบดีว่าถ้าอยากจะได้โปรคุ้มๆ จะต้องเป็นไปย้ายเครือข่ายมือถือเอา จึงจะได้โปรเน็ตคุ้มๆ ในราคาประหยัด ซึ่งหากใครเคยมีประสบการณ์ย้ายค่ายมาคงจะทราบเลยว่า การย้ายค่ายนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน แถมจะอาจจะต้องออกไปทำเรื่องถึงศูนย์บริการอีก ดังนั้น Pronet Hub จะมาบอกวิธีเลือกโปรเน็ตทรูที่คุ้มเสียยิ่งกว่าการย้ายค่ายเบอร์เดิมกัน

ย้ายค่ายเบอร์เดิม

เชื่อว่าหลายๆ คนถ้าเลือกได้ก็คงไม่อยากจะย้ายค่ายกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่จะต้องใช้มือถือทุกวัน มีคนติดต่อตลอดเวลา ช่วงเวลาที่ย้ายค่ายนั้นทำให้อาจพลาดโอกาสดีๆ ไปได้ แถมยังทำให้ต้องเดินทางไปติดต่อศูนย์บริการอีกด้วย ถึงแม้หลายคนอาจจะต้องบอกใช้เวลาไม่นาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเราได้ส่งรหัสเพื่อแจ้งจะย้ายค่าย เราจำเป็นที่จะต้องชำระค่าบริการทั้งหมดที่ค้างไว้กับค่ายเดิมให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งใครที่ใช้แพ็กเกจรายเดือนก็จะต้องดูให้ดีว่าวันที่เราย้ายค่ายเกินรอบบิลของเดือนนั้นๆ แล้วหรือยัง เพราะไม่งั้นค่าบริการของวันที่เกินไปหรือระหว่างที่จะย้ายค่ายก็จะคงค้างทำให้การย้ายค่ายไม่สำเร็จ ซึ่งบางคนต้องไปจัดการเคลียร์ค่าบริการในห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว รวมถึงในช่วงระหว่างที่ย้ายค่ายก็จะมีการระงับสัญญาณโทรศัพท์ 2-3 วันไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้ถ้ามีใครติดต่อเข้ามาในช่วงนี้ ก็อาจพลาดโอกาสได้นั่นเอง 

สำหรับใครที่ไม่ชอบความยุ่งยากในการย้ายค่ายเบอร์เดิม แต่ก็อยากได้โปรเน็ตทรู‌หรือโปรเน็ตทรูไม่ลดสปีดในราคาสุดคุ้ม สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1.ตรวจสอบโปรที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

เริ่มต้นที่การตรวจสอบโปรที่ใช้อยู่ โดยกดที่ *935# แล้วโทรออก จากนั้นจะมี SMS ส่งมาแจ้งว่าโปรโมชั่นที่ใช้อยู่ตอนนี้คือโปรอะไร เป็นเน็ตทรูไม่ลดสปีด มีกำหนดโทรได้กี่นาที ซึ่งสำหรับใครที่มีแอปพลิเคชัน True iService ก็สามารถเข้าไปเช็กได้ผ่านช่องทางนั้น โดยจะมีรายละเอียดการใช้งานของเราเบื้องต้นด้วยว่ามีการใช้เน็ตไปแล้วมากน้อยเพียงได้ด้วย นอกจากนั้นอาจตรวจสอบจากบิลชำระค่าโทรศัพท์ก็ช่วยบอกได้เช่นกัน

เมื่อตรวจสอบโปรที่ใช้แล้ว หากพบว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือการโทรมากกว่าที่โปรโมชั่นมี นั้นแสดงว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นจะถูกคำนวณในอัตราที่สูงกว่าการสมัครโปร ดังนั้นควรมองหาโปรใหม่ที่เข้ากับการใช้ ในขณะที่หากใครตรวจสอบแล้วพบว่าเราใช้งานน้อยกว่าโปรโมชั่นจนเหลือเยอะ เช่น โปรโทรได้ 1,000 นาที แต่โทรจริงเพียง 50 นาที/เดือน หรือใช้เน็ตได้ 10 GB แต่อาจใช้เพียงเดือนละ 3 GB หากสามารถเปลี่ยนโปรได้ก็จะช่วยให้ประหยัดได้มากขึ้น

2.ค้นหาโปรโมชั่นเบื้องต้น

สำหรับใครที่รู้แล้วว่าโปรเน็ตทรูที่ใช้ไม่เหมาะกับตัวเอง อาจลองค้นหาโปรโมชั่นเองเบื้องต้น โดยอาจติดต่อผ่านคอลเซนเตอร์เพื่อถามหาโปรที่เหมาะสม หรือใครที่สะดวกที่จะค้นหาผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต Pronet Hub ก็เป็นเว็บไซต์รวม โปรเน็ตหลากหลายเครือข่ายสำหรับมือถือ สมัครเน็ตทรูได้เองง่ายๆ เพียงกดรหัสและโทรออกเท่านั้น ซึ่งจะมีโปรเน็ตทรูมากมายให้เลือกกันแบบจุใจ เช่น โปรเน็ตทรูยอดนิยม 1 Mbps ไม่อั้น ไม่ลดสปีดหรือเน็ตไม่ลดสปีด เน็ตความเร็ว 4 Mbps/30 วัน 

3.เลือกโปรเน็ตทรู Like a Pro

เมื่อหาโปรโมชันต่างๆ ได้แล้วนั้น เคล็ดลับการเลือกโปรเน็ตทรูแบบคุ้มๆ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงการสมัครเน็ตทรูโปรเสริม สำหรับใครที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตเกิน อาจเลือกเป็นแบบรายวัน รายอาทิตย์เวลาที่เน็ตหมด ก็ไม่ต้องโดนคิดค่าอินเทอร์เน็ตเพิ่มแล้ว สำหรับใครที่ใช้เน็ตไม่เต็มที่อาจเลือกเปลี่ยนรายเดือนให้น้อยลงแล้วซื้อโปรเสริมเอาเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานก็จะเซฟค่าใช้จ่ายได้ ส่วนใครที่อยากใช้เน็ตแบบคุ้มๆ ในราคาประหยัดเลยอาจเลือกโปรเน็ตทรูระยะเวลา 12 เดือนแบบจ่ายทีเดียวจบราคาเริ่มต้นต่อปีก็อยู่ที่ 1,926 บาท (รวมภาษีแล้ว) สำหรับโปรเน็ตทรู ไม่ลดสปีด ความเร็ว 1 Mbps จะตกอยู่ที่เดือนละ 160.5 บาทเท่านั้น ส่วนใครที่เป็นสายชอบความแรงก็มีความเร็ว 4 Mbps + โทรในเครือข่ายไม่อั้น ในราคา 3,852 บาท (รวมภาษีแล้ว) ตกเดือนละ 321 บาทเท่านั้น คุ้มสุดๆ เลย

ค้นหาโปรเน็ตทรู

เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ เท่านี้จาก Pronet Hub เราก็จะได้โปรเน็ตทรูสุดคุ้มที่เรียกได้ว่าคุ้มกว่าการย้ายค่ายมากๆ แถมไม่ต้องเสียเวลาย้ายค่าย ใช้เวลาสมัครได้ง่ายๆ เพียง 3 นาทีก็ได้รับโปรสุดคุ้มเลย